ประโยชน์ของหมูที่ไม่หมู คุณค่าจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ควรมองข้าม

เนื้อหมูเป็นอาหารที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน จัดอยู่ในอาหารหลักหมู่ที่ 1 ที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย มีผลต่อการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยร่างกายของคนเรามีโปรตีนประมาณร้อยละ 20 ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว จริงๆ แล้วนอกจากเนื้อหมูจะมีคุณค่าให้โปรตีนแก่ร่างกายแล้ว ยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามินบี 1 วิตามินเอ ไนอาซิน และฟอสฟอรัสอีกด้วย เรียกได้ว่าเปี่ยมคุณประโยชน์อย่างแท้จริง

เนื้อหมูจัดได้ว่าเป็นสารอาหารประเภทโปรตีนที่หารับประทานได้ง่ายที่สุด ซึ่ง “สันในหมู” คือส่วนที่มีโปรตีนมากที่สุด และหากใครที่อยากลดน้ำหนักก็ควรเลือกสันในหมูมาประกอบอาหาร เนื่องจากสันในหมูอยู่ข้างในใกล้กับตับ เป็นเนื้อล้วน ไม่มีมัน และมีสีแดงเข้มกว่าสันนอก มีเนื้อนุ่มกว่าสันนอก โดยสันในหมู 100 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 140 แคลอรี่

สำหรับส่วนที่มีไขมันมากที่สุดของหมูคือหมูสามชั้น คอ และซี่โครง การเลือกเนื้อหมูที่ดีสำหรับการประกอบอาหารนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพราะการเลือกเนื้อหมูที่ดีร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่ดีอย่างเต็มที่ โดยเรามีวิธีสังเกตเนื้อหมูสำหรับการนำมาปรุงอาหารง่ายๆ ดังนี้

  1. เนื้อหมูที่ดีควรเป็นสีชมพู ไม่ควรเลือกเนื้อหมูที่มีสีแดงจัดมาประกอบอาหารเพราะอาจมีสีผสมอาหารหรือสารปนเปื้อนอยู่ รวมไปถึงเนื้อหมูสีเขียว มีรอยช้ำ เพราะแสดงถึงเนื้อหมูที่ผ่านการค้างคืนมาหลายวันและใกล้เน่าแล้ว
  2. ไม่มีปุ่มขาวปนอยู่ในเนื้อหมู
  3. หนังของหมูที่ดีจะต้องมันวาว ไม่มีผังผืด มันหมูต้องมีสีขาวใส สะอาด ไม่มีขนติด เวลากดลงไปแล้วเนื้อหมูจะต้องเด้งกลับคืน ไม่ทิ้งรอยกดเอาไว้
  4. เนื้อหมูสดจะมีกลิ่นคาวอ่อนๆ ไม่ใช่กลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นเน่า
  5. ไม่มีแมลงต่างๆ คอยตอม

อย่างที่ทราบกันดีว่าส่วนต่างๆ ของหมู สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งตัว โดยแต่ละส่วนของหมูก็มีคุณค่า คุณประโยชน์แตกต่างกันไป และสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น

  1. หัวหมู : หัวหมูประกอบไปด้วยหลายๆ ส่วน เช่น หูหมู คางหมู ลิ้นหมู แก้มหมู นิยมนำไปทำพะโล้ เนื่องจากหัวหมูจะมีเลือดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องพะโล้สามารถดับกลิ่นคาวได้
  2. หูหมู : เนื้อสัมผัสกรุบกรอบเนื่องจากเป็นกระดูกอ่อนๆ สามารถนำไปย่างทานกับน้ำจิ้มแจ่วหรือทำยำหูหมูก็ได้ มีคุณประโยชน์ด้วยสารอาหารประเภทแคลเซียม คอลลาเจน ช่วยเสริมสร้างผิว ผม และเล็บให้แข็งแรง
  3. ลิ้นหมู : เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม มีแร่ธาตุและวิตามิน นิยมนำไปย่างทาน
  4. คอหมู : เป็นส่วนที่มีไขมันแทรก มีคอเลสเตอรอล นิยมนำไปทำคอหมูย่างทานกับน้ำจิ้มแจ่ว คอหมูทอด ซึ่งถือเป็นเมนูยอดนิยมของหลายคน
  5. สันนอก : เป็นเนื้อส่วนลำตัวอยู่ติดกับซี่โครงหมู มีมันแทรก มีเนื้อนุ่มแต่ไม่มาก มีคุณประโยชน์ทางด้านโปรตีน นิยมนำไปทำสเต็ก หมูหมักต่างๆ
  6. สันใน : เป็นส่วนที่อยู่ข้างในใกล้กับตับ เป็นเนื้อล้วน ไม่มีไขมันแทรก มีสีแดงเข้มกว่าสันนอก มีเนื้อนุ่มกว่าสันนอก มีคุณประโยชน์ทางด้านโปรตีน นิยมนำไปอบ ผัด ทอด ฯลฯ
  7. สะโพก : มีคุณประโยชน์ทางด้านโปรตีนและไขมัน เนื้อสัมผัสเหนียว เหมาะสำหรับนำไปตุ๋นหรือต้มนานๆ เช่น หมูนึ่งซีอิ๊ว หมูตุ๋น หรือนำไปทำน้ำซุป
  8. ขาหน้า : เป็นส่วนที่มีไขมันจำนวนมาก นิยมนำไปทำพะโล้
  9. ขาหลัง : เป็นส่วนสะโพกไปจนถึงขาหลัง มีไขมันและเส้นเอ็น นิยมนำไปทำขาหมู หมูพะโล้ ขาหมูทอดกรอบ ต้มยำขาหมู
  10. สามชั้น : คือส่วนท้องหมูที่เป็นชั้นไขมัน เนื้อและหนังสลับกัน เป็นส่วนที่มีปริมาณไขมันมากที่สุด นิยมนำไปทำหมูสามชั้นทอดกรอบ หมูสามชั้นรวนเค็ม หมูสามชั้นสไลด์ ปิ้งย่าง ฯลฯ
  11. ซี่โครง : เป็นส่วนที่มีเนื้อไม่มาก ไขมันน้อย โดยกระดูกซี่โครงมีทั้งกระดูกซี่โครงและกระดูกซี่โครงอ่อน สามารถนำไปทำได้หลายเมนู ทั้งนำไปต้มเป็นน้ำสต๊อก ทอด อบ ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงหมูอบ ซี่โครงหมูทอด เป็นต้น

การรับประทานหมูควรเลือกรับประทานในปริมาณที่พอดี เพราะนอกจากหมูจะให้ประโยชน์แล้วบางส่วนของหมูหากรับประทานมากเกินไปก็อาจให้โทษได้ด้วยเช่นกัน เพราะบางส่วนของหมูมีคอเลสเตอรอล ไขมัน ฯลฯ หากรับประทานมากเกินไปแล้วไม่ออกกำลังกายอาจก่อให้เกิดโรคได้

Share this post